วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำความเข้าใจกับงบกระแสเงินสด (ที่มา: Understanding Financial Statements by Joseph T. Straub)

สวัสดี ชาวสถาบันคัสเม่ค่ะ

วันนี้สถาบันคัสเม่ ขอนำเสนอหนังสือที่น่าสนใจสำหรับการทำความเข้าใจกับงบการเงินฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งมีชื่อว่า "Understanding Financial Statements" โดยผู้เขียน Joseph T. Straub ประเด็นที่น่าสนใจมากนั้น ได้ถูกกล่าวไว้ในบทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องของความสำคัญของงบกระแสเงินสด เมื่ออ่านแล้วค่อนข้างเข้าใจง่าย ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ "กระแสเงินสด" ได้ค่อนข้างชัดเจน และที่สำคัญ ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดค่ะ 

ซึ่งในวันนี้ ทางสถาบันขอหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจจากบทความบางส่วนของบทนี้ เพื่อผู้อ่านชาวสถาบันคัสเม่ทุกท่านค่ะ


CHAPTER 4
ทำความเข้าใจกับงบกระแสเงินสด
ที่มา: Understanding Financial Statements by Joseph T. Straub

ถ้ากระแสไหลออก "มากกว่า" กระแสไหลเข้า ความพยายามของคุณกำลังล้มเหลว ไปเรื่อย ๆ 
-นิรนาม-

.
“และตอนนี้พวกเรากำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับมัน” สตีฟวี่ ผู้จัดการบริษัท Agile ได้กล่าวพร้อมกับถูมือทั้งสองข้างของเขาไปพร้อมๆกัน “กระแสเงินสด.. ถ้ากระแสเงินสดของเราแข็งแรง มันจะช่วยป้องกันปัญหาหลายๆอย่างได้”

“ผมไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะมีเงินจำนวนมากไหลเข้า-ออก จากบริษัทอยู่แล้วหรือ”

“ใช่ แต่กระแสเงินสดในความเป็นจริงนั้น จะเน้นถึงกระแสเงินที่ไหลเข้ามากกว่ากระแสที่ไหลออก มันหมายถึงคุณมีเงินสดในธนาคารเพื่อจ่ายบิล เงินลงทุนเพื่อการก่อตั้งธุรกิจ เพื่อซื้อถุงเท้า และเพื่อสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย - ไม่สำคัญว่าเสตทเม้นท์ของคุณจะโชว์รายได้และกำไรของคุณ เท่าไหร่และอย่างไร” สตีฟวี่ได้ตอบกลับ

“ครั้งหนึ่งฉันเคยทำงานกับบริษัทที่ไม่ได้ทำกำไรติดต่อกัน 5 ปี” สตีฟวี่กล่าว “แต่เจ้าของบริษัท ก็ไม่เคยพลาดทริปไปเที่ยวเกาะเบอร์มิวด้าสักปี และเธอยังเช่าซื้อรถเบนซ์ในทุกๆ 2 ปี และพวกเรายังได้รับรายได้จำนวนมาก พร้อมกับอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อใช้ในการทำงาน”

"เธอทำได้อย่างไร ??" สตีฟรีบตั้งคำถามกลับอย่างตื่นเต้น

“กระแสเงินสดที่ยอดเยี่ยม เธอมีความฉลาดมากในการจัดการกระแสเข้า-ออกของรายได้ เมื่อเธอพบว่ามีสินค้าใดของเธอที่ขายได้ดี เธอจะนำเงินจำนวนมากมาทำการลงทุนในส่วนของ R&D และการพัฒนาสินค้าของเธอ อย่างไรก็ตาม หากผลลัพธ์ไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอจะลดจำนวนเงินการลงทุนในส่วนนั้นลงสักพักและตัดค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องออก พร้อมกันนี้เธอยังมีนักบัญชีที่ชาญฉลาดผู้ซึ่งรู้วิธีที่จะกระจายความเสี่ยง เช่นเดียวกันกับทริคอื่นๆ และทั้งหมดล้วนถูกต้องตามกฏหมายทั้งสิ้น พร้อมทั้งยังสามารถช่วยสร้างผลกำไรให้เกิดขึ้นได้อีกครั้ง”

และนี่คือเหตุผลหลัก ว่าทำไมกิจการควรมีความเข้าใจในกระแสเงินสดของตน

The Agile Manager's Checklist
(เช็คลิสต์ของผู้จัดการบริษัท อาไจล์: ว่าด้วยเรื่องของงบกระแสเงินสด)

1. งบกระแสเงินสด คือ การแสดงยอดเงินสดคงเหลือของกิจการนับตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และจะแสดงเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องทุกปี
2. งบกระแสเงินสด จะแสดงกระแสเงินสดสุทธิ จากกิจกรรมดังนี้
‪#‎กิจกรรมดำเนินงาน‬ กิจกรรมหลักเพื่อการดำเนินธุรกิจของกิจการแต่ละประเภท
‪#‎กิจกรรมการลงทุน‬ เช่น การลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ การขายอุปกรณ์ที่หมดอายุการใช้งานหรือไม่ใช้แล้วออกไป
‪#‎กิจกรรมจัดหาเงิน‬ เช่น การขายหุ้นหรือพันธบัตร การจ่ายเงินปันผล
3. กำไรสุทธิที่แสดงในงบกำไรขาดทุน ‪#‎จะยิ่งลดลงเมื่อกิจการนำค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์มาปรับปรุงหักออก‬ แต่นั่นไม่ได้แสดงว่าเงินสดของกิจการจะลดลงไปด้วย
4. ภาพอนาคตของกิจการนั้น เราสามารถสังเกตุได้จาก พฤติกรรมการจ่ายออกหรือการลงทุน ‪#‎สำหรับกิจกรรมดำเนินงาน‬ ซึ่ง เป็นกิจกรรมหลักของกิจการในแต่ละประเภท

เกร็ดความรู้อื่นๆที่น่าสนใจ
‪#‎TIP1‬
งบกำไรขาดทุนและงบแสดงฐานะการเงิน ไม่สามารถบอกสถานภาพทางการเงิน เช่น สภาพคล่องของกิจการได้มากนัก
‪#‎TIP2‬
เมื่อคุณรู้วิธีการอ่านและใช้งบกระแสเงินสด คุณสามารถเห็นแนวโน้มล่วงหน้าได้ใน “หลายเดือน” ว่าเมื่อไหร่ที่กิจการของคุณจะมีแนวโน้มที่เงินสดจะเพิ่มมากขึ้น หรือ เงินสดของกิจการกำลังลดลง หรือกำลังจะถึงจุดที่เรียกว่า “ขาดเงิน” ก่อนที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง
‪#‎TIP3‬
บริษัทใดที่มีกระแสเงินสดเข้า ที่ส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมจัดหาเงิน "เป็นหลัก" (เช่น การขายหุ้นหรือขายพันธบัตร) สามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางด้านการเงิน หรือการขาดสภาพคล่องของกิจการได้ชัดเจน

Read. Like. Share. ขอบคุณค่ะ




วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: เข้าใจง่ายกับการปรับโครงสร้างใหม่

สถาบันคัสเม่ สวัสดีทุกท่านค่ะ

หลายท่านคงได้ทราบข่าวการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีกันแล้ว ตามการลงมติเห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงการคลัง เรื่องปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป

จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ สถาบันคัสเม่ ได้จัดทำ #สรุปเพื่อความเข้าใจง่ายสำหรับท่าน ดังนี้ค่ะ








กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือนค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว

ผู้มีเงินได้เป็นโสด: ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 100,000 บาท
ผู้มีเงินได้มีคู่สมรส: ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้ไม่ว่าคนเดียวหรือสองคนรวมกัน เกิน 200,000 บาท

กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือนค่าจ้าง) และ มีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือ กรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน

ผู้มีเงินได้เป็นโสด: ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
ผู้มีเงินได้มีคู่สมรส: ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้ไม่ว่าคนเดียวหรือสองคนรวมกันเกิน 120,000 บาท

กรณีกองมรดกของผู้ตาย ที่ยังมิได้แบ่ง ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ คณะบุคคล ที่มิใช่นิติบุคคล ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 60,000 บาท

สถาบันคัสเม่ +หน้าต่างแห่งความรู้ ประตูสู่ความสำเร็จ+

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ประมาณการรายได้ค่าใช้จ่ายอย่างไร (ภ.ง.ด.51) ให้ปลอดภัยจากเบี้ยปรับ ?

ประมาณการรายได้ค่าใช้จ่ายอย่างไร (ภ.ง.ด.51) ให้ปลอดภัยจากเบี้ยปรับ ?

สวัสดีชาวสถาบันคัสเม่ค่ะ ในวันนี้ ทางสถาบันจะขอนำเสนอบทความสำหรับวิธีการประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย ในการยื่นภาษีกลางปี (ภ.ง.ด.51) เพื่อเป็นแนวทางวิธี ป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด หรือให้เกิดน้อยที่สุดจนทำให้เกิดเบี้ยปรับ ซึ่งกำหนดยื่นแบบนั้น คือภายในวันที่ 31 สิงหาคม นี้ค่ะ

การประมาณการกำไร ไม่ให้ขาดไป 25% จากกำไรที่แท้จริงในตอนสิ้นปี
1. กรณีที่ถ้าเราได้รับ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาหลายฉบับจากลูกค้าในช่วง 6 เดือนแรก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เราควรประมาณการไว้ก่อนว่า รายได้ที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มว่าจะมีมากในช่วง 6 เดือนหลังเช่นกัน
2. การประมาณการรายได้ให้สูง จะส่งผลให้กำไรสุทธิมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นตาม และกำไรที่เกิดจากรายได้ที่ประมาณเอาไว้สูง ส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของการโชว์กำไรขาดไปจากความเป็นจริง 25% ซึ่งสามารถช่วยป้องกันในเรื่องของเบี้ยปรับเงินเพิ่มได้ในระดับหนึ่ง
3. และกำไรที่สูง จะส่งผลให้ภาษีที่ต้องชำระจากการคำนวณจากกำไรดังกล่าว มีแนวโน้มว่าจะเกินกว่าครึ่งหนึ่งจากภาษีที่ได้ชำระเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะช่วยลดความเสี่ยงของค่าปรับกรณีที่เราโชว์กำไรน้อยไปจากความเป็นจริงในตอนสิ้นปี ได้เช่นกัน
*** ทั้งนี้ สำหรับ SMEs ทุนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้าน รายได้ไม่เกิน 30 ล้าน และจดแจ้งเข้าโครงการบัญชีชุดเดียว ได้รับยกเว้นภาษีในปี 2559 ค่ะ ***
4. ค่าใช้จ่าย ควรประมาณการตามหลักความเป็นจริง โดยคำนึงถึงประเภทธุรกิจร่วมด้วย
เช่น กรณีเป็นธุรกิจขายตรง ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายจากการเดินทางที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกจะมีไม่มากนัก แต่ไม่ได้หมายถึงว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวในช่วง 6 เดือนหลังจะน้อยเช่นกัน เนื่องจากโดยตามธรรมชาติของประเภทธุรกิจนี้แล้ว การเดินทางไปพบลูกค้า การเดินทางเพื่อขายสินค้า เป็นสิ่งที่จำเป็นกับธุรกิจประเภทนี้ การที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเกิดขึ้นน้อยในช่วงครึ่งปีแรก เราสามารถมองได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังการเดินทางมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว นักขายจำเป็นที่จะต้องสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจากการพบปะลูกค้าโดยเดินทางเพื่อสร้างยอดขายเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลังนั่นเอง
5. ค่าใช้จ่าย ควรประมาณการตามหลักความเป็นจริง ยิ่งประมาณการใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เกิดรายการปรับปรุงค่าใช้จ่ายในเวลาต่อมาน้อยมากขึ้นเท่านั้น
6. ควรเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง รายได้ ค่าใช้จ่าย ของปีปัจจุบันกับปีที่แล้ว ว่ามีจำนวนลดเพิ่มมากน้อยเพียงใด มีความต่างกันมากเกินไปหรือไม่

นี่คือเทคนิคเล็กน้อย จากสถาบันคัสเม่ค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีรายละเอียดข้อกำหนดกฏเกณฑ์ทางภาษีอีกมากมาย


                       
                       

                                 

แล้วพบกับเรา ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ กับหลักสูตร "รู้ภาษี มีเงินคืน" เปิดประเด็น เทคนิควิธีการประมาณการแบบ ภ.ง.ด.51 อย่างถูกต้อง และแนวทางการวางแผนภาษีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ กับ อาจารย์ดำริ ดวงนภา Tax Auditor & ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี คร่ำหวอดในวงการมายาวนานกว่า 30 ปี
สำรองที่นั่งได้ทาง www.kasmethai.com

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Any ID การชำระเงินแบบนานานาม คืออะไร?

Any ID การชำระเงินแบบนานานาม คืออะไร?

ในปัจจุบัน การทำธุรกรรมทางการเงินจำเป็นต้องใช้เลขบัญชีธนาคารในการดำเนินการ เช่น ฝาก ถอน โอน จ่าย ชำระหนี้ หรืออื่นๆ กับทางธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราทราบกันดีอยู่แล้ว

แต่ในอีกไม่นาน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในด้านของการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน "หมายเลขบัตรประชาชน" หรือ ID ชนิดอื่น เช่น e-mail หรือหมายเลขโทรศัพท์ โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ภาครัฐได้เข้ามามีส่วนสำคัญ ในการผลักดันประเทศไทยเข้าสู่ในยุคที่เรียกว่า "Any ID"

Any ID จะส่งผลกับใคร และอำนวยความสะดวกได้อย่างไรบ้าง ?

ธนาคารพาณิชย์:
ในขั้นตอนแรก โปรเจกต์ Any ID ซึ่งอยู่ในแผนโครงการ National e-Payment จะเริ่มดำเนินกับธนาคารพาณิชย์ โดยการติดตั้งเครื่องรับบัตรเพื่อรองรับสวิตช์เลข Any ID และหมายเลขบัญชีธนาคารในการทำธุรกรรมทางการเงิน

ประชาชน:
ได้รับความสะดวกในการ เบิก ถอน โอน จ่าย กับธนาคาร โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์ได้ทันที
ได้รับความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า หรือบริการจากร้านค้า โดยใช้บัตรเดบิตที่ได้ผูกข้อมูลกับบัตรประชาชน หรือ ID อื่น แทนการใช้เงินสด สามารถนำบัตรรูดกับเครื่อง EDC ตามร้านค้าต่างๆได้ทันที

ร้านค้า/ภาคเอกชน:
ดำเนินการติดตั้งเครื่อง EDC ตามร้านค้าต่างๆ เพื่อรองรับการรับชำระค่าสินค้าหรือบริการ พร้อมกันนี้ภาคเอกชนที่ได้ขึ้นทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนำส่งข้อมูลทางภาษีให้แก่สรรพากรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย

ประชาชนผู้มีรายได้น้อย:
ระบบ e-Payment ของภาครัฐ เชื่อมโยงไปสู่การจัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยข้อมูลของบุคคล เช่น อาชีพ และ รายได้ จะถูกบันทึกอยู่ในบัตรประชาชน สามารถใช้เป็นฐานข้อมูลที่นำมาพิจารณามาตรการต่างๆ ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น


มีความเสี่ยงต่อการใช้งาน Any ID หรือไม่ ?
เมื่อมีด้านบวกย่อมมีด้านลบ ความเสี่ยงในการใช้งานอาจเกิดขึ้นได้ อันเนื่องมาจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ เช่น บัตรประชาชนสูญหาย ถูกขโมย แฮคข้อมูลในบัตร หรืออื่นๆ ความเสี่ยงเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ภาครัฐ ควรจะตระหนักถึงความสำคัญในด้านความปลอดภัยในการใช้งานบัตรเดบิต แทนการใช้เงินสด รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านหมายเลข ID และแน่นอนว่าประชาชนส่วนใหญ่ย่อมมีความคาดหวังสำหรับความปลอดภัยในการใช้งาน ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เราจะเริ่มก้าวเข้าไปสู่ยุคที่เรียกว่า Any ID 100% ภาคส่วนของรัฐฯควรจะมีนโยบายในการป้องกัน วางแผนด้านความปลอดภัยในการใช้งานอย่างรัดกุม เพื่อให้ Any ID สามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และปลอดภัยในการใช้งานสำหรับประชาชน ได้อย่างแท้จริง

สถาบันคัสเม่
"หน้าต่างแห่งความรู้ ประตูสู่ความสำเร็จ"

"หน้าต่างแห่งความรู้ ประตูสู่ความสำเร็จ"