การขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว เพื่อเข้าระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือ "VAT Refund for Tourists"
ประเทศไทยของเรามีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทย
ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ภาครัฐฯและกรมสรรพากร มีนโยบายในการเพิ่มช่องทางการขอ "VAT Refund" ให้กับนักท่องเที่ยว และเมื่อเร็วๆนี้ทางกรมสรรพากรได้ดำเนินการเสนอข้อมูลสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้าร่วมเป็นผู้ขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวโดยปรับตัวเข้าสู่ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอีกด้วย หรือที่เรียกว่า "Vat Refund for Tourists"ค่ะ รายละเอียดจะเป็นเช่นใด เรียนเชิญทุกท่านที่สนใจเข้าสู่ระบบและขออนุมัติเป็นผู้ขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
#ขอขอบคุณข้อมูลจาก: กรมสรรพากร
คุณสมบัติของผู้ประกอบการ
1. เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2. เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7
3. ไม่เป็นผู้ประกอบการที่ถูกเพิกถอนการเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวภายใน
6 เดือนนับแต่วันที่ถูกเพิกถอน
การยื่นคำขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการ
1. ยื่นแบบกระดาษด้วยแบบคำขออนุมัติ (คท.1)
ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
หรือที่กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร
กรณีเป็นสถานประกอบการที่อยู่ในการกำกับดูแลของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่
2. ยื่นคำขอผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์
www.rd.go.th/vrt
1. ผู้ประกอบการแต่ละสถานประกอบการต้องขอรับและติดแผ่นป้าย
“VAT Refund for Tourists” แสดงไว้
ณ ที่เปิดเผยให้นักท่องเที่ยวเห็นได้ชัดเจน
2. ขอรับแบบคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว
(ภ.พ.10)
จากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่เป็นรายสถานประกอบการ
3. เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว
และยื่นแบบแสดงรายการและนำส่งภาษี ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
4. จัดทำใบกำกับภาษีขายและต้องระบุเลขที่หนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวลงในใบกำกับภาษีขายทุกฉบับ
กรณีนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าจากสถานประกอบการแห่งเดียวกันในวันเดียวกัน
มีมูลค่ารวมตามใบกำกับภาษีไม่น้อยกว่า 2,000
บาท
ให้จัดทำแบบคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.10)
และส่งมอบให้นักท่องเที่ยวพร้อมต้นฉบับใบกำกับภาษี
5. จัดทำรายงานคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว
(คท.9)
และเก็บรักษาไว้ ณ สถานประกอบการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี
6. กรณีผู้ประกอบการมีการเพิ่ม
ลด ย้ายสถานประกอบการ เปลี่ยนชื่อผู้ประกอบการหรือสถานประกอบการ
หรือไม่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวแล้ว
ให้แจ้งต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ในท้องที่ที่สถานประกอบการซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
ภายใน 7
วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
สิทธิพิเศษของผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว
1. ใช้ป้ายสัญลักษณ์ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว
โดยติดต่อขอรับป้ายสัญลักษณ์ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ตั้งสถานประกอบการและผู้ประกอบการสามารถจัดทำป้ายสัญลักษณ์รูปแบบที่กรมสรรพากรกำหนด
ตามขนาดที่เหมาะสมกับสภาพสถานประกอบการได้
2. ได้รับสิทธิให้ใช้สัญลักษณ์ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวเผยแพร่ในเอกสารหรือ
website
ของทางบริษัท
เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย
3. ได้รับการส่งเสริมการขาย
โดยกรมสรรพากรจะประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานประกอบการ เช่น ภาพถ่ายสถานประกอบการ
ภาพถ่ายสินค้าหรือแผนที่ตั้ง เป็นต้น ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
4. ได้รับสื่อเผยแพร่ต่าง ๆ
เพื่อประชาสัมพันธ์ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวเป็นภาษาต่างประเทศ
ในการสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าชาวต่างชาติ
5. ได้รับสื่อโฆษณาภาษาต่างประเทศ
เพื่อแสดงขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว
ในการสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าชาวต่างชาติ
6. ได้รับคู่มือการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
7. สามารถขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปแนะนำการปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว
ณ สถานประกอบการได้
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับท่านที่สนใจเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว
Email: vrefund@rd.go.th , โทร:
022729384-5, 022728195 ติดต่อกลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว
กรมสรรพากร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น