วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวเพื่อเข้าระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ "VAT Refund for Tourists"

การขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว เพื่อเข้าระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 
หรือ "VAT Refund for Tourists"



ประเทศไทยของเรามีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทย

ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ภาครัฐฯและกรมสรรพากร มีนโยบายในการเพิ่มช่องทางการขอ "VAT Refund" ให้กับนักท่องเที่ยว และเมื่อเร็วๆนี้ทางกรมสรรพากรได้ดำเนินการเสนอข้อมูลสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้าร่วมเป็นผู้ขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวโดยปรับตัวเข้าสู่ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอีกด้วย หรือที่เรียกว่า "Vat Refund for Tourists"ค่ะ รายละเอียดจะเป็นเช่นใด เรียนเชิญทุกท่านที่สนใจเข้าสู่ระบบและขออนุมัติเป็นผู้ขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ

#ขอขอบคุณข้อมูลจาก: กรมสรรพากร

คุณสมบัติของผู้ประกอบการ
1. เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2. เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7
3. ไม่เป็นผู้ประกอบการที่ถูกเพิกถอนการเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ถูกเพิกถอน

การยื่นคำขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการ
1. ยื่นแบบกระดาษด้วยแบบคำขออนุมัติ (คท.1) ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ หรือที่กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร กรณีเป็นสถานประกอบการที่อยู่ในการกำกับดูแลของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่

2. ยื่นคำขอผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.rd.go.th/vrt

ขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติของผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว

1. ผู้ประกอบการแต่ละสถานประกอบการต้องขอรับและติดแผ่นป้าย “VAT Refund for Tourists” แสดงไว้ ณ ที่เปิดเผยให้นักท่องเที่ยวเห็นได้ชัดเจน
2. ขอรับแบบคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.10) จากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่เป็นรายสถานประกอบการ
3. เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว และยื่นแบบแสดงรายการและนำส่งภาษี ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
4. จัดทำใบกำกับภาษีขายและต้องระบุเลขที่หนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวลงในใบกำกับภาษีขายทุกฉบับ กรณีนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าจากสถานประกอบการแห่งเดียวกันในวันเดียวกัน มีมูลค่ารวมตามใบกำกับภาษีไม่น้อยกว่า 2,000 บาท ให้จัดทำแบบคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.10) และส่งมอบให้นักท่องเที่ยวพร้อมต้นฉบับใบกำกับภาษี

5. จัดทำรายงานคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (คท.9) และเก็บรักษาไว้ ณ สถานประกอบการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี
6. กรณีผู้ประกอบการมีการเพิ่ม ลด ย้ายสถานประกอบการ เปลี่ยนชื่อผู้ประกอบการหรือสถานประกอบการ หรือไม่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวแล้ว ให้แจ้งต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ในท้องที่ที่สถานประกอบการซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ภายใน 7 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง

สิทธิพิเศษของผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว
1. ใช้ป้ายสัญลักษณ์ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว โดยติดต่อขอรับป้ายสัญลักษณ์ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ตั้งสถานประกอบการและผู้ประกอบการสามารถจัดทำป้ายสัญลักษณ์รูปแบบที่กรมสรรพากรกำหนด ตามขนาดที่เหมาะสมกับสภาพสถานประกอบการได้

2. ได้รับสิทธิให้ใช้สัญลักษณ์ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวเผยแพร่ในเอกสารหรือ website ของทางบริษัท เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย

3. ได้รับการส่งเสริมการขาย โดยกรมสรรพากรจะประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานประกอบการ เช่น ภาพถ่ายสถานประกอบการ ภาพถ่ายสินค้าหรือแผนที่ตั้ง เป็นต้น ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
4. ได้รับสื่อเผยแพร่ต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวเป็นภาษาต่างประเทศ ในการสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าชาวต่างชาติ

5. ได้รับสื่อโฆษณาภาษาต่างประเทศ เพื่อแสดงขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว ในการสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าชาวต่างชาติ

6. ได้รับคู่มือการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการในระบบคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวและเอกสารที่เกี่ยวข้อง

7. สามารถขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปแนะนำการปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว ณ สถานประกอบการได้

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับท่านที่สนใจเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว
Email: vrefund@rd.go.th , โทร: 022729384-5, 022728195 ติดต่อกลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว กรมสรรพากร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น