เชื่อว่านักบัญชีหลายท่านคงคุ้นเคยกับแบบ ภ.ง.ด.51 ซึ่งเป็นแบบเพื่อยื่นภาษีกลางปีเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ระยะเวลาสิ้นสุดของการยื่นแบบเริ่มเขยิบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นั่นคือสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการยื่นแบบกระดาษ อย่างไรก็ตาม วันสุดท้ายในการยื่นแบบผ่านทางอินเตอร์เน็ต คือวันอังคารที่ 8 กันยายน 2558
ซึ่งโดยทั่วไป วัตถุประสงค์ในการยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 นั้น ก็คือการที่ทางภาครัฐต้องการช่วยแบ่งเบาภาระในการชำระภาษีให้กับนิติบุคคล ให้มีการเสียภาษีอากรที่เป็นธรรม ตามมาตรา 67 ทวิ โดยวิธีให้นิติบุคคลทยอยชำระภาษีก่อนในรอบครึ่งปีแรก (โดยใช้แบบ ภ.ง.ด.51 ประกอบในการยื่นแบบชำระภาษีกลางปี) เพื่อป้องกันไม่ให้มีการชำระภาษีเป็นจำนวนมากในตอนสิ้นปี (ในตอนสิ้นปี จะมีการนำแบบ ภ.ง.ด.50 มาใช้) และเงินภาษีที่ทางภาครัฐได้จัดเก็บยังสามารถนำมาใช้ในการบริหารพัฒนาประเทศในเวลาต่อไป
Note: มาตรา 67 ทวิ ได้กำหนดในผู้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบภายใน 2 เดือน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี
อย่างไรก็ตาม อาจยังมีหลายท่านที่ยังไม่คุ้นเคยนักกับแบบ ภ.ง.ด.51 หรือแบบในการยื่นภาษีกลางปี ทางเราจึงขออนุญาติเผยแพร่ความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล ภ.ง.ด.51 ตามรายละเอียดดังนี้
การประมาณการเพื่อยื่นภาษีกลางปี
หรือ ภ.ง.ด.51 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ต้องเสียภาษีกลางปี
ต้องเข้าเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
1.ต้องเสียภาษีจากกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
2.ต้องมีรอบระยะเวลาบัญชีแรกหรือสุดท้าย
12 เดือนเต็ม
3.ภาษีที่ชำระไปแล้วถือเป็นเครดิตภาษี
4.กำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
คำนวณได้ 2 วิธีคือ
4.1 โดยวิธีการเสียจากประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
ที่ได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำ และจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไป
4.2 โดยวิธีการเสียจากกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการ
หรือเนื่องจากกิจการในช่วง 6
เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
สำหรับในข้อ 4.1 ซึ่งเป็นข้อที่เราจะกล่าวถึงนั้น
เราจะมีหลักเกณฑ์ในการประมาณการ การคาดคะเน ที่ควรคำนึงถึงดังต่อไปนี้
1.ประเภทของธุรกิจ
2.ภาวะเศรษฐกิจทั่วไป
3.ข้อมูลและสถิติในการประมาณการ
4.นโยบายการบริหารของกิจการ
5.ความสามารถของผู้ทำประมาณการ
6.นโยบายบัญชี
ขั้นตอนการเตรียมข้อมูลในการจัดทำแบบ
ภ.ง.ด.51
1.บันทึกบัญชีรายได้-ค่าใช้จ่าย
(ระยะเวลาตั้งแต่เดือน 1-6
ให้ครบ)
2.บันทึกสินค้าคงเหลือต้นงวด-ปลายงวด
(เดือน 1-6)
3.บันทึกค่าเสื่อมราคา
4.ปริ้นท์งบกำไรขาดทุนแบบประมาณการ
รอบ 6 เดือน
5.นำข้อ 4 มากรอกในแบบฟอร์มประมาณการ
Excel ในช่อง 6 เดือนแรก
แล้วประมาณการ 6 เดือนหลัง
6.นำข้อมูลในข้อ
5 มากรอกแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลกลางปี
(ภ.ง.ด.51)
ผู้ที่ต้องยื่นแบบ
ภ.ง.ด. 51
1.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
>> บริษัทจำกัด
>> บริษัทมหาชน
จำกัด
>> ห้างหุ้นส่วน
จำกัด
>> ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
กรณีบริษัท หรือ
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีสาขาไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศไทย จะต้องนำกำไรสุทธิของสาขามารวมกำไรสุทธิของสำนักงานใหญ่
เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย
2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
และมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ได้แก่
>> บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและกระทำกิจการในที่อื่นๆ
รวมทั้งในประเทศไทย
>> บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มีลูกจ้างหรือผู้ทำการแทน
หรือผู้ทำการติดต่อในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ให้ถือว่าบุคคลผู้จ้างเป็นลูกจ้าง
หรือผู้ทำการแทน หรือผู้ทำการติดต่อเช่นว่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
เป็นตัวแทนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและให้บุคคลนั้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรดังกล่าว
3.กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางการค้า
หรือ หากำไรโดยรัฐบาลต่างประเทศ องค์การของรัฐบาลต่างประเทศ
หรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ
4.กิจการร่วมค้า
ผู้ที่ไม่ต้องยื่นแบบ
ภ.ง.ด. 51
1.บริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเป็นปีแรก
รอบบัญชีไม่เต็ม 12
เดือน
2.บริษัทที่ปิดกิจการ
ซึ่งรอบบัญชีปีสุดท้ายไม่เต็ม 12
เดือน
3.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร
ให้เปลี่ยนแปลงวันสุดท้ายของรอบบัญชี โดยรอบเวลาดังกล่าวมีกำหนดไม่เกิน 6 เดือน
Note:
"หน้าต่างแห่งความรู้ ประตูสู่ความสำเร็จ" |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น